วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ไฝบนในหน้า บอกอะไรคุณได้บ้าง



หากอยากรูว่าไฝ บนใบหน้าของคุณ มีความหมายอย่างไรในแง่โหราศาสตร์ ลองติดตามดูค่ะ
บุคคลใดที่มีไฝสีดำตรงกลางระหว่างหน้าผาก : บุคคลนั้นมักจะได้รับอันตรายอยู่เนืองๆ และมักจะเสียชีวิตด้วยความยากลำบาก หรืออุบัติเหตุ
บุคคลใดมีไฝสีน้ำตาลตรงกลางระหว่างหน้าผาก : มักจะเป็นคนขี้โรค เจ็บป่วยอยู่เนืองๆ
บุคคลใดที่มีไฝที่คิ้วข้างซ้าย : ผู้นั้นมักจะประสบความสำเร็จ และมีความสุขในชีวิต เมื่อมีอายุเลย วัยกลางคนไปแล้ว
บุคคลใดมีไฝที่คิ้วข้างขวา : บุคคลนั้นมักเป็นผู้มีโชคลาภดี และมีความสุขในชีวิตครอบครัว
บุคคลใดมีไฝที่หนังตาข้างขวา : บุคคลนั้นจะไม่ยากจน เป็นผู้มีโชคลาภดี แต่มักจะได้รับความ เดือดร้อน และเสียชื่อเสียงเพระคนรับใช้ คนในครอบครัว หรือบริวารไม่ซื่อสัตย์
บุคคลใดมีไฝใต้ดวงตาข้างซ้าย : หากเป็นหญิงจะเป็นผู้ที่ได้รับความเสียใจ สูญเสีย หรือถูกรังแก เอาเปรียบจากผู้ชายหลายครั้ง
บุคคลใคมีไฝตรงขมับขวา : ผู้นั้นมักจะเป็นคนโกรธง่าย ใจน้อย โลเล ตัดสินใจช้า และมีความ สมบูรณ์พูนสุขหลังวัยกลางคน
บุคคลใดมีไฝบริเวณแก้มข้างขวา : หากเป็หญิงมักจะเป็นคนมีเสน่ห์ เป็นที่ชื่นชอบของชายทั่วไป จะทำงานได้ดีเมื่อทำงานร่วมกับเพศตรงข้าม มีความสุขในชีวิตครอบครัวเป็นอย่างดี
บุคคลใคมีไฝ 2 เม็ด บริเวณแก้มขวา : บุคคลนั้นมักจะแต่งงาน 2 ครั้ง
บุคคลใคมีไฝ 2 เม็ด บริเวณแก้มซ้าย : มักจะประสบความล้มเหลวในชีวิตครอบครัว (ยิ่งมีไฝ บริเวณนี้มากก็ยิ่งร้ายแรง) และให้ระวังอันตรายจากการเดินทาง ทางน้ำหรือเดินทางต่างเมือง
บุคคลใดมีไฝบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง : มักจะเป็นผู้ร้อนใจในความรัก ครอบครัว มีความต้องการทาง เพศสูง แต่จะมีความสุขในชีวิตครอบครัวดีโดยเฉพาะเมื่อสูงอายุ
บุคคลใดมีไฝบริเวณข้างซ้ายของปาก : มักเป็นคนร่าเริงชอบสนุกสนาน ชอบงานรื่นเริง งานสังคม ดนตรี แต่เป็นคนนิสัยดี คบได้
บุคคลใดมีไฝบริเวณข้างขวาของปาก : จะมีความสุขในชีวิตแต่งงาน มีลูกมาก และอายุยืน
บุคคลใดมีไฝที่ริมฝีปากบน : หากเป็นสตรีจะมีฐานะปานกลางถึงดี แต่จะมีความใคร่มาก หากเป็น บุรุษจะเป็นคนฉลาด มีสติปัญญา
บุคคลใดมีไฝที่ริมฝีปากด้านล่าง : มักจะมีมารยาเล่ห์เหลี่ยมในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่เมื่อแต่งงานแล้ว จึงจะดี (เลิกไป) มักจะจากบ้านเกิดไปอาศัยที่อื่น หรือโยกย้ายเดินทางไกลเสมอ

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559

อาหารและเครื่องดื่ม สำหรับแก้อาการเครียด


ความเครียด เป็นภาวะทางอารมณ์อย่างหนึ่ง ที่มักเกิดขึ้นกับร่างกายของคนเรา ในยามที่เกิดความทุกข์ ความไม่สมหวัง ซึ่งนอกจากความเครียด จะส่งผลเสียต่อจิตใจ เช่น ทำให้ไม่ร่าเริง ไม่มีความสุขแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติของร่างกาย และความเจ็บป่วยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น โรคไม่เกรน โรคซึมเศร้า โรคกะเพาะอาหาร ฯลฯ ดังนั้น หากเกิดความเครียดขึ้นกับเราแล้ว จำเป็นจะต้องกำจัดออกไป ก่อนทีมันจะส่งผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ
การกำจัดความเครียดนั้นมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมผ่อนคลาย ต่างๆ การไปเที่ยว เป็นต้น และการเลือกกินอาหารที่เหมาะสม ก็สามารถที่จะลดความเครียดที่เกิดขึ้นได้ โดยอาหารที่เหมาะกับการกินเพื่อลดความเครียด มีดังต่อไปนี้
1. อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เป็นอาหารที่ช่วยในการลดความเครียดลงได้อย่างชะงัด ซึ่ง แนวคิดนี้มีงานวิจัยของต่างประเทศสนับสนุน โดยจากการทดลองสังเกตการณ์ พบว่า ในผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า สามารถลดความเครียดที่เกิดขึ้น หลังจากได้รับอาหารที่เป็นประเภทคาร์โบไฮเดรต และเมื่อให้อาหารประเภทนี้ต่อเนื่อง พบว่าพวกเขามีความร่าเริงมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นจึงสามารถเชื่อได้ว่า คาร์โบไฮเดรต มีส่วนสัมพันธ์ กับการลดความเครียด อย่างไรก็ตาม คาร์โบไฮเดรตที่เลือกกิน ควรเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่ได้จากธัญพืช เช่น โฮลวีต ข้าวโอ้ต ฟักทอง มันเทศ ฯลฯ จะดีต่อร่างกายมากกว่า
2. ปลาทะเลและปลาน้ำจืด เป็นอาหารอีกประเภทหนึ่ง ที่ช่วยลดความเครียดที่เกิดขึ้นได้ โดยจากงานวิจัยของหน่วยงาน National health and Nutrition Examination Survey ที่มีการทดลองผู้คนจำนวน 5,068 คน พบว่าหากให้กินอาหารที่ประกอบด้วยปลาประเภทต่างๆ จะช่วยลดความเครียดที่เกิดขึ้นกับพวกเขาได้ เพราะในเนื้อปลามีโอเมก้า 3 ที่ส่ลผลต่อการปรับสมดุลของสมอง และระบบประสาท ทำให้เป็นการปรับระดับของอารมณ์ ที่เกิดความเครียดไปด้วยในตัว ปลาที่มีโอเมก้า 3 สูงมากๆ ก้เช่น ปลากะพง ปลาสวายเนื้อขาว และปลาช่อน ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปตามตลาด
3. ผัก หรือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง โดยวิตามินซีนั้น เป็นสารอาหารที่ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้านทานโรคมะเร็ง ความดัน และเพิ่มภูมิต้านทาน รักษาโรคจำพวกหวัด ละลายเสมหะ ฯลฯ และที่สำคัญคือ วิตามินซี มีส่วนช่วยในการปรับสมดุลให้ระบบต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เกิดอาการผ่อนคลาย จึงทำให้มันเป็นสารอาหารที่ช่วยในการกำจัดความเครียดไปด้วยโดยปริยาย ผักที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ผักใบเขียวประเภทต่างๆ ส่วนผลไม้ก็ จำพวกฝรั่ง ส้ม มะละกอ กล้วย อะโวกาโด้ เป็นต้น
4. อาหารที่มีวิตามิน บี สูง โดยสารอาหารประเภทวิตามิน บี 1-12 จะมีส่วนช่วยในการ ทำงานของระบบประสาท และช่วยในการปรับสมดุลของสภาวะทางอารมณ์ อาหารประเภทที่มีวิตามินบีสูง ได้แก่  ถั่ว และธํยพืช กล้วย ผักใบเขียว อะโวกาโด้ เป็นต้น
5. อาหารที่ให้สังกะสีและโพแทสเซียมสูง อาหารที่ให้สังกะสีสูง เช่น ไข่แดง อาหารทะเล ตับ ไขมัน งา เป็นต้น จะมีส่วนช่วยในการปรับสภาพอารมณ์ อันแปรปรวน การรับประทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำ จะช่วยปรับสมดุลของภาวะทางอารมณ์ได้เป็นอย่างดี และอาหารที่ให้โพแทสเซียม เช่น ก้วยหอม ส้ม แคนตาลูป มะเขือเทศ เหล่านี้ก็จะมีสรรพคุณ ในการช่วยปรับสมดุลของของเหลวในร่างกาย และการสื่อประสาทของสมอง ให้อยู่ในระดับที่ไม่เกิดความแปรปรวน
6. อาหารประเภทนมต่างๆ โดยในนมจะมีสารที่เปลี่ยนตัวเป็น โซโรโทนิน ที่ช่วยให้ร่างกายหลับสบาย และลดความเครียดที่เกิดขึ้น ตลอดจนช่วยให้จิตใจเกิดความสงบ นอนหลับง่าย ไม่กระสับกระส่าย ซึ่งการนอนไม่หลับก็เป็นสาเหตุหนึ่งของความเครียดนั่นเอง นอกจากนั้น ระหว่างนอนหลับ สารดังกล่าวจะช่วยในการปรับระดับความสมดุลของสมอง ช่วยให้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ เมื่อตื่นขึ้นจะมีความสดชื่น พร้อมสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ของวัน
7. ชา และกาแฟ เป็นเครื่องดื่ม ที่มีสารคาเฟอีน ซึ่งจะช่วยในการกระตุ้นระบบประสาท ให้สดชื่น กระปรี้กะเปร่า โดยหากเกิดความเครียด ลองดื่มชา หรือกาแฟดู จะช่วยให้สมองสดชื่น พร้อมสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ แต่แนะนำว่าไม่ควรดื่มในปริมาณที่มากเกินไปเพราะจะส่งผลเสียให้กับร่างกายมากกว่า
8. ช็อกโกแลต อันนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายมาก เอาเป็นว่า หากเกิดความเครียด ให้ลองรับประทานช็อกโกแลตดู จะช่วยลดความเครียดลงได้อย่างดี แต่ช็อกโกแลตที่แนะนำ คือ ดาร์ก ช็อกโกแลต เพราะไม่มีไขมันเท่ากับช็อกโกแลตประเภทอื่นๆ นั่นเอง

วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้ ต้องทำอย่างไร … เรามีคำตอบ!!!


1. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการติดไฟ

วิธีทดสอบนี้ทำได้โดยนำไม่ขีดไฟมาจุ่มลงในน้ำผึ้ง แล้วเอามาขีดกับข้างกล่อง (ข้างกลัก) ไม้ขีด ถ้าสามารถขีดติดไฟได้ แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ แต่ถ้าขีดไม่ติด หัวไม้ขีดไฟเปื่อยยุ่ยแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งปลอม หรือน้ำผึ้งผสมน้ำตาล
2. การทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการหยดบนกระดาษทิชชู่

วิธีเช็คน้ำผึ้งด้วยวิธีนี้ ทำได้โดยการนำน้ำผึ้งที่ต้องการทดสอบหยดลงบนกระดาษทิชชู่ ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้เมื่อหยดแล้วน้ำผึ้งนั้นจะคงรูปอยู่บนผิวทิชชู่ ไม่ซึมลงไปในเยื่อกระดาษ แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งปลอมหรือผสม น้ำผึ้งจะซึมลงกระดาษทิชชู่ทันทีที่หยดลงไป
3. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้ด้วยปูนแดง

วิธีนี้เป็นการทดสอบน้ำผึ้งด้วยด้วยปูนแดงหรือปูนกินหมาก วิธีการก็คือ เทน้ำผึ้งลงในฝ่ามือจากนั้นเทปูนแดงตามลงไป จากนั้นคนให้เข้ากัน ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะรู้สึกร้อนที่ฝ่ามือทันที แต่ถ้าเป็นของปลอมจะไม่รู้สึกอะไรเลย
4. การทดสอบน้ำผึ้งด้วยการดม

วิธีตรวจสอบน้ำผึ้งแท้แบบนี้จะใช้วิธีการดม ซึ่งน้ำผึ้งแท้จะมีกลิ่นเฉพาะตัว คือมีกลิ่นหอมของน้ำหวานดอกไม้ผสมกับกลิ่นของรวงและไขมันผึ้งชัดเจน ในขณะที่น้ำผึ้งผสมหรือน้ำผึ้งปลอมจะมีกลิ่นน้อยมากหรือไม่มีเลย
5. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการแช่ตู้เย็น

วิธีการดูน้ำผึ้งแท้แบบนี้ทดสอบได้ง่ายมาก เพียงนำน้ำผึ้งไปใส่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะไม่จับตัวแข็งเป็นก้อน แต่จะมีรูปร่างลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ ในขณะที่ของปลอมจะจับตัวแข็งเหมือนนำน้ำหรือน้ำเชื่อมไปแช่นั่นเอง
6. การทดสอบน้ำผึ้งโดยการเก็บ

น้ำผึ้งแท้นั้นเมื่อถูกเก็บไว้นานๆจะมีสีคล้ำขึ้น แต่รสชาติและลักษณะอื่นจะยังคงเหมือนเดิมทุกประการ ในขณะที่ของปลอมจะเกิดการแยกชั้นของน้ำผึ้งและน้ำตาลอย่างชัดเจน กลิ่น สีและรสชาติก็เปลี่ยนไปด้วย การทดสอบน้ำผึ้งแท้วิธีนี้ทำได้ง่ายมาก
7. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการเขย่า

วิธีนี้นิยมใช้ทดสอบน้ำผึ้งที่ใส่ขวดขาย ให้จับขวดให้แน่นและเขย่าอย่างแรงหลายๆครั้ง ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ซึ่งมีความหนืดสูง จะเกิดฟองอากาศขนาดใหญ่และไม่เกิดการแยกชั้นของของเหลวในขวด ในขณะที่น้ำผึ้งผสมหรือน้ำผึ้งปลอมจะเกิดฟองอากาศขนาดเล็กและเกิดการแยกชั้นของน้ำผึ้งและน้ำตาล
8. การทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการชิม

วิธีการตรวจสอบน้ำผึ้งแบบนี้จะเห็นผลชัดเจนเวลาเราเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย ให้กินน้ำผึ้งประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ เมื่อผ่านไปประมาณ 20 นาที ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ เราจะรู้สึกสดชื่น กระชุ่มกระชวย มีแรง หายอ่อนเพลีย แต่ถ้าเป็นของปลอมเราจะไม่รู้สึกเช่นนี้เลย
9. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการหยดลงในน้ำเย็น

วิธีดูน้ำผึ้งแท้แบบนี้ทำได้ไม่ยาก เพียงนำน้ำเย็นจากตู้เย็นมาใส่แก้ว จากนั้นหยดน้ำผึ้งลงไป ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ หยดน้ำผึ้งนั้นจะจับตัวเป็นหยดและตกลงไปยังก้นแก้วก่อนจะค่อยๆลอยกลับขึ้นมา แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งผสมหรือน้ำผึ้งปลอม เมื่อหยดลงในน้ำเย็นก็จะเกิดการแตกตัวหรือแตกกระจายในน้ำทันที
10. การทดสอบน้ำผึ้งแท้ด้วยลักษณะทางกายภาพ

วิธีการดูน้ำผึ้งแท้วิธีนี้ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ น้ำผึ้งแท้จะมีสีใส มีความหนืดสูง ไหลช้าไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว มีสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม
วิธีการทดสอบน้ำผึ้งแท้ที่แม่นยำและน่าเชื่อถือที่สุดก็คือการวิเคราะห์ผลจากห้องทดลอง แต่สำหรับผู้ที่

ไม่รู้จะทดสอบน้ำผึ้งแท้อย่างไร อาจจะเพราะไม่มีอุปกรณ์หรือไม่มีเวลาทดสอบ ก็ให้เลือกซื้อจากแหล่ง

ที่เชื่อถือได้ หรือเลือกซื้อน้ำผึ้งแท้ยี่ห้อต่างๆที่มีขายตามท้องตลาด จะมั่นใจได้มากกว่าการซื้อน้ำผึ้งที่มี

ขายกันตามข้างทางครับ ^ ^

สมุนไพรรักษาสิว สูตรลับหน้าใส เสกได้ด้วยสมุนไพรไทยใกล้ตัว


 สมุนไพรรักษาสิว เคล็ดลับหน้าใสที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้สิวยุบเร็ว หายเร็วแล้ว ยังปลอดภัยอีกด้วย รู้แบบนี้แล้วรีบมาทำความรู้จักกับสมุนไพรไทยที่ช่วยรักษาสิวกันดีกว่าค่ะ

          สมุนไพรไทย ถือเป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยา นอกจากจะนิยมนำมาใช้รักษาโรคแล้ว สาว ๆ รู้ไหมคะว่าสมุนไพรบางชนิดยังมีสรรพคุณช่วยรักษาสิวให้หายเร็วได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่เป็นสิว เพราะนอกจากจะช่วยรักษาสิวให้ยุบเร็วแล้ว ยังถือเป็นวิธีรักษาสิวที่ปลอดภัย ที่สำคัญยังหาได้ง่าย ๆ เพราะเป็นสมุนไพรไทยที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวเรานี่เองค่ะ ทั้งนี้จะมีสมุนไพรไทยตัวไหนบ้างที่จะสามารถนำมาใช้จัดการกับปัญหาสิวอย่างได้ผล วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมมาให้สาว ๆ กันแล้วค่ะ บอกเลยว่าเยอะแยะไปหมดเชียวล่ะ

ใบบัวบก

          นำใบบัวบกมาตำให้ละเอียด ผสมน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นให้นำมาโปะพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วค่อยเอาออกและล้างหน้าให้สะอาด คุณสมบัติของใบบัวบกจะช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวค่อย ๆ ยุบลง และหายเร็วขึ้น
 ว่านหางจระเข้

          ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิว ป้องกันฝ้า ลดสิว และลดรอยดำได้ เพียงแค่นำเนื้อใส ๆ ของว่านหางจระเข้มาทาบริเวณที่เป็นสิวเป็นประจำ เพียงเท่านี้หน้าของคุณก็จะสวยใสไกลสิวได้ในเร็ววัน


ไพล

          นำเหง้าไพลมาหั่นแบบเป็นชิ้น ๆ ตำให้ละเอียด จากนั้นให้ผสมน้ำสะอาด และดินสอพองลงไป คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วให้นำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยล้างออก สิวอักเสบจะค่อย ๆ ยุบตัวลง และจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียช่วยลดการเกิดสิวใหม่ได้อีกด้วย

www.carashop67.com

www.facebook.com/carashop67