วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

13 รายการอาหารที่ควร-ไม่ควรกินตอนท้องว่าง



“อาหารเช้า คือมื้อที่จำเป็นและสำคัญที่สุดของวัน” เป็นอีกข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราทราบกันดี ตั้งแต่เด็กจนโต คุณพ่อคุณแม่ หรือคุณครูก็มักจะปลูกฝังให้เราทานข้าวเช้าอยู่เสมอใช่มั้ยคะ การทานอาหารเช้าเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์กับสุขภาพค่ะ ทว่าอาหารบางชนิดก็ไม่เหมาะที่จะเป็นอาหารเช้าของคุณหรอกนะคะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าอาหารชนิดใดบ้างที่คุณไม่ควรรับประทานขณะท้องว่าง 

    1. น้ำอ้อย เป็นน้ำผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลเป็นส่วนประกอบค่อนข้างสูงกว่าน้ำผลไม้ชนิดอื่นๆ ทั่วไป แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องหวานแสบคออย่างแน่นอน หากคุณรับประทานในขณะที่ท้องยังว่างอาจเสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดที่จะเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังทำให้คุณรู้สึกหิวมากขึ้นกว่าปกติอีกด้วยนะคะ

    2. น้ำอัดลม เครื่องดื่มอัดก๊าซรสชาติและสีสันหลากหลายที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องชื่นชอบ แต่การดื่มน้ำอัดลมในขณะที่ท้องว่างจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีค่ะ ฤทธิ์ของน้ำอัดลมจะเข้าไปกัดกร่อนเยื่อบุผิวในช่องจมูกและปากที่มีหน้าที่สร้างน้ำเมือกหล่อลื่น ทำให้เลือดไหลเวียนได้ช้าลง ระบบขับถ่ายผิดปกติ และที่สำคัญก็คือมีฤทธิ์กัดกร่อนกระเพาะของคุณให้บางลง เสี่ยงต่อการเกิดโรคมากมาย ทางที่ดีควรดื่มให้กรณีที่ต้องการเพิ่มความสดชื่นจะดีกว่านะคะ 

    3. มะเขือเทศ เป็นพืชผักที่มีสรรพคุณช่วยในเรื่องของการทำให้ผิวพรรณสดใส แต่หากคุณกำลังประสบปัญหากับอาหารกรดไหลย้อน หรือแผลพุพองอยู่ล่ะก็ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานมะเขือเทศก่อนจะดีกว่า เนื่องจากในมะเขือเทศจะมีกรดชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า tannic acid ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ร่างกายมีสภาพเป็นกรดมากขึ้นค่ะ 

    4. ผลไม้ตระกูลส้ม รสชาติเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดก็ดูจะไม่เหมาะกับการเป็นอาหารเช้าเช่นเดียวกันค่ะ ด้วยฤทธิ์ที่เป็นกรดนั้นอาจจะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองของกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร 

    5. อาหารประเภทพาย และทาร์ตชนิดต่างๆ ขนมพายหรือทาร์ต มีอีกชื่อว่า Shortcrust pastry เป็นอาหารประเภทที่ทำง่าย เพียงมีแป้ง เนย เกลือ และน้ำก็สามารถรังสรรค์ออกมาเป็นของกินได้ ถึงแม้ว่าพายและทาร์ตเหล่านี้จะมีรสชาติเอร็ดอร่อยและเป็นที่โปรดปรานของใครหลายๆ คน แต่เพสตรี้ (Pastry) เหล่านี้กลับมี ยีสต์ เป็นส่วนผสม ซึ่งจะทำให้คุณมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้นั่นเองค่ะ 

    และนี่ก็เป็นอาหารทั้ง 5 ชนิดที่คุณควรหลีกเลี่ยงในมื้อเช้าเพื่อให้การรับประทานอาหารเช้าคุณได้ประโยชน์อย่างแท้จริง และนอกจากนี้ เรายังนำรายการอาหารที่คุณควรรับประทานในตอนเช้ามาบอกสู่กันฟังอีกด้วยค่ะ 

    1. บักวีต (Buckwheat) หรือเมล็ดบักวีต ซึ่งมีลักษณะคล้ายเม็ดข้าว เป็นอาหารที่มีมาแต่โบราณ ชาวญี่ปุ่นมักนำมาแปรรูปเป็นข้าวต้ม แผ่นเกี๊ยว หรือเส้นโซบะต่างๆ เมล็ดบักวีตนี้อุดมไปด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก และวิตามินต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร ซึ่งคุณสามารถนำไปผสมรวมกับแป้งแพนเค้ก วาฟเฟิล และน้ำปั่นในยามเช้าได้เป็นอย่างดี 

    2. จมูกข้าวสาลี เป็นส่วนที่มีประโยชน์มากที่สุดเนื่องจากช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร เพียงรับประทานวันละ 2 ช้อนโต๊ะก็จะทำให้คุณได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อวันอย่างเพียง เช่น กรดโฟลิค และวิตามิน E 

    3. ข้าวต้มจากแป้งข้าวโพด เป็นอาหารที่ทำให้อิ่มตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการดีท็อกซ์ร่างกายอีกด้วยนะคะ 

    4. โฮลเกรน หรือธัญพืชที่แทบจะไม่ผ่านการขัดสี ทำให้คุณประโยชน์เต็มเปี่ยม ลองนำไปผสมควบคู่กับแพนเค้กหรือวาฟเฟิลที่คุณโปรดปรานในยามเช้า คุณก็จะได้รับประโยชน์คูณสอง 

    5. มะละกอ เจ้ามะละกอนี้อุดมไปด้วยวิตามิน E C และไฟเบอร์ ซึ่งทำให้มันเปรียบเสมือนยาระบายชั้นดีอีกชนิดหนึ่ง ทำให้ร่างกายของคุณไม่ต้องเสี่ยงกับโรคต่างๆ เช่น มะเร็งลำไส้ 

    6. ไข่ อาหารเบสิคๆ อย่างไข่นี่แหละค่ะที่เต็มไปด้วยประโยชน์ ทำให้อิ่มท้องได้ 

    7. ถั่วชนิดต่างๆ เพียงพูดชื่อ ถั่ว ขึ้น หลายๆ อาจจะเบือนหน้าหนี แต่ถั่วเป็นแหล่งของโปรตีนและไขมันชนิดดีๆ อีกมากมาย ช่วยเรื่องของการรักษาสมดุลกรดในร่างกายได้อีกด้วย

    8. บลูเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่น้อยมาก อัดแน่นไปด้วยสารอาหารมากมาย ที่จะช่วยพัฒนาระบบความจำของคุณ ควบคุมความดันโลหิต และสร้างเสริมระบบเผาผลาญในร่างกาย

    อย่าลืมที่จะเลือกสรรสิ่งดีๆ ให้กับร่างกายของคุณกันนะคะ

www.facebook/carashop67
www.carashop67.com

น้ำว่านหางจระเข้ เครื่องดื่มสมุนไพรสุดเฮลธ์ตี้เคี้ยววุ้นเพลิน


น้ำว่านหางจระเข้ซื้อที่ไหน ? ถ้าหาซื้อยากนักก็มาทำเองเลยสิ สูตรหวานน้อย ไม่เติมสีหรือแต่งกลิ่น ดื่มให้หมดจะได้สดชื่น
     
     ว่านหางจระเข้สมุนไพรสารพัดประโยชน์ จากที่เคยกินเปล่า ๆ รสออกเฝื่อน ๆ ลองแปลงร่างเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรน้ำว่านหางจระเข้สักแก้วดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำน้ำว่านหางจระเข้ สูตรหวานน้อย ไม่เติมสีหรือแต่งกลิ่น ได้รสธรรมชาติจริง ๆ 

ส่วนผสม น้ำว่านหางจระเข้
     • เนื้อว่านหางจระเข้ (หั่นเป็นชิ้น) 200 กรัม (ล้างให้สะอาดจนหมดเมือก)
     • น้ำเปล่า 3 ถ้วย
     • น้ำตาลทรายแดง 3/4 ถ้วย
     • น้ำแข็ง (เสิร์ฟ)

วิธีทำน้ำว่านหางจระเข้
     1. นำเนื้อว่านหางจระเข้ไปต้มด้วยไฟกลางประมาณ 15-20 นาที จนเนื้อว่านหางจระเข้สุก
     2. ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป คนพอน้ำตาลละลาย ปิดไฟ 
     3. รินใส่แก้วน้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ

     ต่อไปนี้ไม่ต้องหาร้านขายน้ำว่านหางจระเข้ให้ปวดหัว แค่จับต้นว่างหางจระเข้ปอกเปลือกแล้วนำไปต้มจนเดือด เติมน้ำตาลทรายลงไปหน่อย จะใส่น้ำแข็งหรือดื่มอุ่น ๆ ก็ได้ค่ะ รับสักแก้วไหมคะ


wwwfacebook/carashop67
www.carashop67.com

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

หยุดผิวพังด้วยสูตรพอกหน้าจากธรรมชาติ

ใครที่เพิ่งผิวพังเพราะสภาพอากาศหนาวเย็นตอนไปเที่ยวเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เริ่มต้นฟื้นฟูผิวกันใหม่ได้แล้วค่ะสาวๆ อย่าปล่อยให้ผิวพังเรื้อรังแบบนี้เลย เดี๋ยวจะดูแลรักษากันลำบากมากขึ้น วันนี้สดสวยก็เลยนำสูตรธรรมชาติมาช่วยรักษาปัญหาผิวพังกันค่ะ เตรียมของง่ายๆ มาทำกันเลย


สิ่งที่ต้องเตรียม

  • น้ำใบเตย 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำใบบัวบก 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีบำรุง

  1. ก่อนอื่นนะคะ น้ำใบเตย น้ำใบบัวบก เราควรคั้นสดค่ะ อย่าซื้อสำเร็จมาเพราะเขาอาจผสมน้ำเชื่อมมาด้วย คั้นแล้วก็นำส่วนผสมทั้งหมดมาคนให้เข้ากันเลยค่ะ
  2. จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาพอกหน้าให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้ 15 นาที
  3. ขั้นตอนสุดท้ายก็ล้างออกด้วยน้ำเย็นค่ะ


เคล็ดลับง่าย ส่วนผสมง่าย ทำเองได้ ไม่ต้องง้อครีมแพงๆ นะคะ :)


กำจัดขนรักแร้ใน 2 นาที 3 สูตร ง่ายกว่านี้มีมั้ย

อากาศเริ่มกลับมาร้อนกันแล้วในช่วงนี้ (เอ๊ะ.. เคยหนาวด้วยหรอ) ทีนี้เรื่องเสื้อผ้าเราก็เริ่มอยากจะใส่เสื้อผ้าแบบเผยผิวกันบ้างแล้ว หลายคนอยากใส่เสื้อแขนกุด แต่ปัญหาขนรักแร้ทำให้ต้องหยุดคิดเพราะไม่กล้าโชว์ใต้วงแขน วันนี้สดสวยมี 3 สูตรในการกำจัดขนรักแร้มาฝาก อยากลองสูตรไหนจัดไปค่ะ

1. มะนาวและน้ำตาลทราย



วิธีนี้ง่ายและมีประสิทธิภาพมาก เพียงใช้น้ำตาลแค่ 2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำส่วนผสมนี้มาทาบนขนรักแร้และปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ ให้สะอาด ทำซ้ำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ขนรักแร้จะค่อยๆ ลดลงค่ะ


2. ไข่และแป้งข้าวโพด


ใช้ไข่และแป้งข้าวโพดอย่างละครึ่งช้อนโต๊ะมาผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้ทาบนรักแร้ รอจนกว่าจะแห้งและล้างออกด้วยน้ำสะอาด

3. นมและขมิ้น


สูตรนี้ใช้ส่วนผสมง่ายๆ แค่ใช้ขมิ้น 1 ช้อนโต๊ะและนม 2 ช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำไปใช้ทาใต้วงแขน แล้วปล่อยทิ้งไว้สักพักและล้างออกด้วยน้ำสะอาด


เลือกสูตรที่ใช่ให้สูตรที่ชอบจัดการกับขนรักแร้เจ้าปัญหาซะ แล้วเราก็จะได้สัมผัสกับรักแร้ขาวใสไร้ขนรักแร้มากวนใจด้วยนะ


9 ประโยชน์มหัศจรรย์ของน้ำมะนาว ทำดื่มเองง่ายๆ ร่างกายไม่เจ็บป่วย



9 ประโยชน์มหัศจรรย์ของน้ำมะนาว ทำดื่มเองง่ายๆ ร่างกายไม่เจ็บป่วย

ประโยชน์ 9  ข้อ ของการดื่มน้ำมะนาว
1. ดื่มน้ำมะนาวช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะมะนาวนั้นอุดมไปด้วยไฟเบอร์ เพคติน จะช่วยลดความ อยากอาหาร

2. ช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้ดีขึ้น น้ำมะนาวจะไปกระตุ้นตับให้หลั่งกรดย่อยอาหาร

3. ช่วยให้ผิวสะอาด วิตามินซีจะช่วยให้รูขุมขนเล็กลง ช่วยลดสารพิษในเลือดที่จะส่งผลต่อสุขภาพ

4. ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เรารู้กันดีว่าในน้ำมะนาวนั้นอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยต่อสู้กับโรคหวัด และมีโพแทสเซียมซึ่งจะไปช่วยกระตุ้นสมอง ระบบประสาท และควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ และยังช่วยลดอาการติดเชื้อ ภูมิแพ้ แผลหายเร็ว

5. ช่วยลดปัญหาทางเดินหายใจ ชงน้ำมะนาวกับน้ำร้อน จิบบ่อยๆ ช่วยลดอาการไอเนื่องจากระคายคอ จะยังช่วยให้ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด ภูมิแพ้ หายใจหายคอโล่งสะดวกขึ้นมาก

6. ช่วยให้ร่างกายมีสมดุล น้ำมะนาวเป็นน้ำที่มีความเป็นด่างมาก หากต้องการลดภาวะเลือดเป็นกรด ก็เลือกจิบน้ำมะนาว (กรดซิตริกในน้ำมะนาวไม่ได้สร้างความเป็นกรดในร่างกาย)

7. ช่วยขับปัสสาวะทำให้สารพิษบางส่วนออกไปพร้อมกับปัสสาวะ

8. ดื่มน้ำมะนาวแทนกาแฟในยามเช้า จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า

9. ลดอาหารปวดฟัน ลดการอักเสบของเหงือก แต่!! กรดซิตริกอาจจะกร่อนเคลือบฟันของคุณ

*****ภาวะเลือดเป็นกรด (acidosis หรือ hypo-Alkalinity)” จะทำให้ร่างกายมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย หิวง่าย เจ็บคอหอยหรือรู้สึกร้อนในช่วงอก บ้างก็มีอาการเวียนหัว รู้สึกอยากอาเจียน หรือปวดหัว นอนไม่หลับ เป็นต้น*****


www.carashop67.com
www.facebook.com/carashop67

แก้ส้นเท้าแตกให้กลับมาเนียนนุ่ม ทำได้ง่ายๆด้วย 7 วิธีที่หลายคนนึกไม่ถึง!


ปัญหาส้นเท้าแตกถ้าใครเป็นจะรู้เลยว่าน่ารำคาญม๊ากกก เพราะเท้าจะแห้งๆ เป็นรอยแตกดูแล้วไม่น่ามองอย่างแรง แถมยังขูดนั่นข่วนนี่ไปหมด 

วันนี้เราก็เลยไปหาวิธีแก้ส้นเท้าแตกด้วยของจากธรรมชาติมาฝากกันค่ะ แค่ใช้ของหาง่ายๆ ในครัวเรือนนี่แหละ รับรองแก้ได้!!

1. น้ำผึ้ง เพราะในน้ำผึ้งมีมอยซ์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติ แถมยังมีสารแอนตี้แบคทีเรีย วิธีการใช้ก็แค่เทน้ำผึ้งลงในน้ำอุ่น แล้วแช่เท้าเอาไว้อย่างน้อย 20 นาที ทำก่อนนอนทุกคืนจะเห็นผลเร็วขึ้น 

2. น้ำมันมะพร้าว เรียกว่าเป็นน้ำมันเทพที่ควรมีติดบ้านจริงๆ เพราะเต็มไปด้วยวิตามินอีเข้มข้น ที่จะช่วยสมานผิวแตกๆ ให้เรียบเนียนขึ้นได้เร็ว แค่แช่เท้าในน้ำอุ่น จากนั้นนวดต่อด้วยน้ำมันมะพร้าว แล้วใส่ถุงเท้าเข้านอน ก็เนียนนุ่มชุ่มชื้น 

3. เชียบัตเตอร์กับน้ำมะนาว เป็นบัตเตอร์เนื้อเข้มข้นเหมือนขี้ผึ้ง ดังนั้นจึงช่วยให้เท้านุ่มสมานผิวให้หายแตกได้ วิธีใช้คือแช่เท้าในน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวแล้วขัดที่รอยแตกเบาๆ จากนั้นเช็ดเท้าให้แห้งแล้วโปะเชียบัตเตอร์ลงไป และใส่ถุงเท้าเข้านอน 

4. กล้วย กล้วยมีเอนไซม์ที่จะช่วยกระตุ้นให้ผลัดเซลล์ผิวใหม่ ดังนั้นลองบดกล้วย 1 ลูก กับน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ แล้วพอกเท้าเอาไว้ 20 นาที โดยใส่ถุงพลาสติกครอบอีกชั้น จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วทาครีมบำรุงให้ชุ่มชื่น 

5. เปลือกมะนาวและเกลืดขัดผิว เราต้องขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกให้หมด เพื่อให้ส้นเท้าแตกกลับมาเนียนนุุ่มอีกครั้ง จึงต้องใช้เกลือขัดผิวทาบนเปลือกมะนาว แล้วค่อยๆ ขัดเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดออก เพราะมะนาวมีกรดธรรมชาติที่จะช่วยผลักเซลล์ผิวได้ 

6. น้ำมันมะกอก อีกหนึ่งของดีที่ควรมีติดบ้านไว้เลย สำหรับน้ำมันมะกอก ซึ่งนอกจากจะหมักผม หมักผิวให้นุ่มแล้ว เรายังเอาน้ำมันมะกอกมาทาที่ส้นเท้าแตก เพื่อสมานผิวได้อีกด้วย วิธีใช้ก็แค่ทาน้ำมันมะกอกที่เท้าทุกวัน ใส่ถุงเท้าเข้านอน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น 

7. เบกกิ้งโซดา ราชาแห่งก้นครัวจริงๆ สำหรับเบกกิ้งโซดา ที่แค่หยิบมาผสมน้ำแล้วขัดเบาๆ ที่เท้า ก็จะช่วยเสกเท้าให้เนียนนุ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ เคล็ดลับคือหลังจากขัดแล้วให้ทิ้งไว้สัก 5-10 นาที ก่อนล้างออก หลังจากล้างออกแล้วให้ทาครีมบำรุงแแล้วใส่ถุงเท้า รับรองหายแน่ 



www.carashop67.com
www.facebook.com/carashop67

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สูตรลดอ้วนด้วย “น้ำอุ่น”

อยากมีหุ่นสวย เคล็ดลับง่ายๆ เลย ก็คือการดื่มน้ำอุ่นนั่นเอง แต่ไม่ใช่ว่าจะดื่มตอนไหนก็ได้ หรืออยากจะดื่มกี่แก้วต่อวันก็ได้นะ เพราะหากคุณอยากผอมล่ะก็ จะต้องดื่มน้ำอุ่นตามสูตร ซึ่งเราก็มีสูตรหุ่นสวยด้วยน้ำอุ่น 3 แก้ว มาฝากกัน ดังนี้

สูตรลดอ้วน “น้ำอุ่น”

แก้วที่ 1 : เป็นแก้วสำหรับเมื่อตื่นนอนตอนเช้า โดยให้ดื่มน้ำอุ่นที่อุณหภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส จำนวน 1 แก้ว ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และกระตุ้นให้ระบบต่างๆ ในร่างกายพร้อมทำงานมากขึ้น โดยแฉพาะระบบเผาผลาญนั่นเอง
แก้วที่ 2 : ให้ดื่มเข้าไปก่อนอึกแรก แล้วกลั้วปาก บ้วนทิ้งออกมา จะช่วยทำความสะอาดช่องปาก และเพิ่มภูมิต้านทานให้กับช่องปากได้เป็นอย่างดี
แก้วที่ 3 : ค่อยๆ จิบน้ำอุ่นเรื่อยๆ จนหมดแก้ว โดยให้ใช้เวลาในการจิบประมาณ 10 นาที ทั้งนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายได้ปรับตัวอย่างช้าๆ ด้วยนั่นเอง


น้ำอุ่นช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร

หลายคนอาจสงสัยว่าน้ำอุ่นสามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร นั่นก็เพราะว่า น้ำอุ่นจะไปกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ตื่นตัว และเร่งให้ระบบเผาผลาญสามารถเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

จะรู้ได้ไงว่ากำลังอ้วนลงพุง?

นอกจากดื่มน้ำอุ่นเพื่อลดหุ่นให้ผอมเพรียวแล้ว เรามาดูกันหน่อยดีกว่าว่า แบบไหนถึงจะเรียกว่าอ้วนลงพุงและเรากำลังอยู่ในภาวะอ้วนลงพุงหรือเปล่า
  1. มีน้ำตาลในเลือดสูงมากถึง 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  2. มีความดันโลหิตสูง 130/80 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป
  3. ผู้ชายมีคอเลสเตอรอลชนิดดี ต่ำกว่า 40 มิลลิกรัม/เดซิลิตร และผู้หญิงมีคอเลสเตอรอลชนิดดี ต่ำกว่า 50 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
  4. มีไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง 150 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ขึ้นไป
หากมีความผิดปกติตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป นั่นก็หมายความว่าคุณกำลังอ้วนลงพุงแล้วล่ะ!
ไม่อยากอ้วนลงพุง หรือมีหุ่นที่อ้วนกลมจนไม่สามารถใส่ชุดสวยๆ ได้ มาดื่มน้ำอุ่นเพื่อลดน้ำหนักกันเถอะ นอกจากนี้หากใครพอมีเวลาว่าง แนะนำให้ออกกำลังกายควบคู่ไปกับการดื่มน้ำอุ่นด้วย พร้อมกับควบคุมอาหารอย่างถูกวิธีไปด้วย แล้วเพื่อนๆ จะมีหุ่นสวยดั่งใจ ลืมไปได้เลยว่าเคยอ้วนและมีน้ำหนักเกินมาก่อน


MORNING DETOX วิธีดีท็อกซ์ร่างเฉพาะช่วงเช้า เพิ่มอารมณ์ดี

เพื่อนๆ เคยเป็นกันมั้ยครับ จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายมันแปลกๆ ไป เช่น ไม่ค่อยสบายเนื้อตัว ท้องไส้ปั่นป่วนเป็นพักๆ หรือหงุดหงิดง่ายมากในทางอารมณ์ …ถ้าเคยเป็น เฮียมีข้อแนะนำดีๆ ให้ได้ลองทำตามกัน กับวิธีดีท็อกซ์ช่วงเช้าของทุกๆ วัน เพื่อช่วยให้สุขภาพดีขึ้น


หลังตื่นนอนทันที

ประโยชน์ของ ‘น้ำมะนาว’ หรือเลมอนนั้นมีเยอะมากเลยนะครับ ลองอ่านที่บทความนี้ได้ 15 เหตุผล ทำไมต้องดื่ม ‘น้ำเลมอน’ ทุกเช้า? ให้เพื่อนๆ ลองเริ่มต้นหลังตื่นนอนด้วยเมนูนี้ หรือจะลองเป็นน้ำอุ่นบีบมะนาวใส่ลงไปเล็กน้อยก็ได้ นอกจากมะนาวที่ให้ประโยชน์เรื่องวิตามินซีแล้ว Dr. Frank Lipman ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และยาแบบบูรณาการ บอกว่า น้ำอุ่นๆ ที่ผสมน้ำมะนาวนั้นก็ช่วยในการกระตุ้นระบบทางเดินอาหาร

ก่อนอาหารเช้า

หากเพื่อนๆ อยู่ในช่วงดีท็อกซ์จริงจัง ในความจริงแล้วการออกกำลังกายหนักๆ นั้นไม่เป็นที่แนะนำนะครับ แต่ก็ยังคงจำเป็นอยู่ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการใช้พลังงานในร่างกาย ดังนั้น ให้เปลี่ยนจากการออกกำลังกายหนักๆ ในช่วงเช้ามาเป็นการทำโยคะแบบเบาๆ แทน สนใจลองตามไปดูที่บทความนี้เลยครับ 13 ท่าโยคะพื้นฐาน สร้างกล้ามเนื้อ

โฟกัสอาหารเช้า

เพราะว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ ไม่ควรงดเด็ดขาด เพื่อนๆ จำเป็นต้องได้รับไฟเบอร์และโปรตีนที่เพียงพอในแคลอรี่ที่ไม่หนักจนเกินไปสำหรับอาหารเช้า อาจเป็นสมูธตี้สักแก้วที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ตามสูตรนี้ไปกันได้เลยครับ สมูธตี้ลดหน้าท้อง ปั่นง่าย ต้องลอง! สำหรับเมนูนี้ไม่เกิน 300 แคลอรี่ครับ

ระหว่างทำงาน ก่อนเที่ยง

รู้แหละครับว่ากาแฟสักแก้วช่วยกระตุ้นให้เราไม่ง่วง รู้สึกสดชื่นได้ง่ายๆ แต่หลักการของกาแฟคือมีส่วนผสมของคาเฟอีนที่เป็นตัวกระตุ้นนั้น ดังนั้น จะดีกว่าหากเราเปปลี่ยนจากกาแฟมาเป็นชาเขียวร้อนสักแก้วแทน ชาเขียวอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ แต่หากรู้สึกว่าไม่พอ ให้ลองเพิ่มของว่างอย่างแอปเปิ้ลเขียวที่มีไฟเบอร์สูง หรือจะเป็นบลูเบอร์รี่ตามความสะดวก เอาแบบหนักท้องหน่อยก็กรีกโยเกิร์ตสักถ้วยครับ ดีต่อน้ำหนักและระบบทางเดินอาหารอย่างแน่นอน

แล้วนี้ก็คือสเต็ปการดีท็อกซ์ช่วงเช้า ที่เฮียอยากให้เพื่อนๆ ลองทำกันดูสัก 1 เดือน เฮียว่าเพื่อนๆ น่าจะได้เห็นผลลัพธ์อย่างระบบทางเดินอาหารที่ดีขึ้นด้วยและอารมณ์ที่ดีขึ้นด้วย ลองดูครับ

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ขาวสวยด้วยสมุนไพรสุดเวิร์ค

ใครที่ตากแดดตัวดำผิวคล้ำเสียมาในปี 2016 ขึ้นปีใหม่แล้วเรามาทำผิวให้ผ่องใสกันดีกว่าค่ะสาวๆ วันนี้สดสวยเอา

เคล็ดลับปรับผิวขาวด้วยสูตรสมุนไพรมาฝาก ใครไม่อยากผิวคล้ำข้ามปี ลองทำตามเคล็ดลับดีๆ นี้ได้เลยค่ะ


สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ขิง
  • โสมผง
  • น้ำตาลทราย
  • น้ำมันงา
  • น้ำมันกุหลาบ
  • น้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้มแมนดาริน

เคล็ดลับสูตรสมุนไพร

  • ก่อนอื่นเรามาทำส่วนผสมสำหรับบำรุงผิวกันก่อนนะคะ เริ่มจากสับขิงยาวประมาณหนึ่งนิ้วให้ละเอียดหรือนำเข้าเครื่องบดก็ได้ค่ะ
  • จากนั้นเติมโสมชนิดผงลงไป 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะครึ่ง น้ำมันงา 4 ช้อนโต๊ะ น้ำมันกุหลาบ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้มแมนดาริน 5-10 หยด
  • แล้วคนให้เข้ากันจนได้ส่วนผสมที่เราต้องการ

การบำรุงผิว

  • นวดส่วนผสมนี้ให้ทั่วผิวกายค่ะ อาจทำขณะที่แช่อยู่ในอ่างอาบน้ำอุ่นในบ้านก็ได้ หรือถ้าไม่มีอ่างก็ทำใต้ฝักบัวเปิดน้ำอุ่น
  • ค่อยๆ นวดเป็นวงกลมให้ทั่ว จากนั้นล้างน้ำออก
สูตรกลิ่นให้ชื่นใจมันจะช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ค่ะ เสร็จแล้วก็ออกมาบำรุงด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นยาวนานเป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ


สาวๆ นำสูตรนี้ไปทำได้เสมอเมื่อมีเวลานะคะ ยิ่งทำบ่อยผิวก็ยิ่งเปล่งปลั่งได้ไวขึ้น ลองทำกันดูค่ะ

5 อาหารต้านยูวีที่อาจไม่รู้มาก่อน!


รังสียูวีจากแสงแดดนี่น่ากลัวสุดขีดจริงๆ ค่ะ เพราะนอกจากทำให้ผิวเราคล้ำเสียแล้ว ยังทำให้เกิดอาการผิวไหม้ได้อีกด้วย คราวนี้แหละเรื่องใหญ่ รักษา ดูแลยากเป็นเท่าตัว แต่ว่า… อาหารเหล่านี้ช่วยได้ค่ะ ไปรื้อตู้เย็นกันดีกว่าว่ามีอะไรดูแลผิวเราได้บ้าง

ข้าวโอ๊ต

ผสมข้าวโอ๊ตบดลงในอ่างอาบน้ำเย็น จากนั้นลงไปนอนแช่ตัวในอ่างน้ำสักพัก หรือจะนำข้าวโอ๊ตบดมาผสมกับไข่ขาวดิบด้วยอัตราส่วนเท่าๆ กัน แล้วคลุกเคล้าจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน นำส่วนผสมที่ได้มาพอกลงบนผิวไหม้แดดก็ได้ เมื่อส่วนผสมแห้งแล้วจึงล้างออกให้สะอาด ทำไปบ่อยๆ ช่วยฟื้นฟูผิวได้ค่ะ

ไข่ขาว

สาวๆ ที่มีปัญหาผิวไหม้เสียจากแดด ไข่ขาวสามารถนำไปพอกบรรเทาอาการแสบร้อนได้นะคะ เพราะในไข่ขาวดิบจะมีเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนและไหม้เกรียมของผิวจากการทำลายของแสงแดดได้เป็นอย่างดี แค่นำไข่ขาวมาทาลงบนผิวจนแห้ง จากนั้นล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำเย็น อาการไหม้เกรียมก็จะค่อยๆ หายไปค่ะ

มะเขือเทศ

มะเขือเทศมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิวไหม้แดดได้ดีเลยค่ะ หั่นมะเขือเทศเป็นแว่นแล้วนำมาประคบลงบนผิวไหม้เกรียมจากแดด แต่ถ้าเป็นที่ผิวกายแนะนำให้ผสมน้ำมะเขือเทศ 2 ถ้วยตวงลงในอ่างอาบน้ำเย็น จากนั้นจึงลงไปนอนแช่ตัวในอ่างสักพัก ผิวจะแสบร้อนน้อยลงค่ะ่

แตงกวา

นำแตงกวาไปปั่นรวมกับนมสดหรือนมเปรี้ยว จากนั้นจึงนำส่วนผสมมาพอกผิว ก็จะยิ่งช่วยรักษาผิวไหม้แดดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนะคะ

มีแต่ของหาง่ายทั้งนั้นเลยใช่ไหมล่ะคะ แบบนี้ไม่ต้องห่วงว่าผิวเสียๆ จะอยู่กับเรายาวนาน หมั่นดูแลใส่ใจผิวก็สวยแล้วค่ะ